ในธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล สำนักงาน โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะต่าง ๆ มีการใช้พลังงาน ในระบบปรับอากาศในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการออกแบบระบบปรับอากาศและระบบควบคุมที่ดีจะช่วยทำให้ประหยัดพลังงาน ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในระบบปรับอากาศแถมยังช่วยทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยมีแนวทางการประหยัดพลังงานของระบบปรับอากาศในอาคาร ดังต่อไปนี้
การปรับปรุงสภาพแวดล้อมของอาคาร
การปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบของอาคารที่มีผลต่อการใช้พลังงานในระบบปรับอากาศ เพื่อเป็นการลดภาระของระบบปรับอากาศลง โดยการออกแบบอาคารใหม่หรือปรับปรุงอาคารเก่า ซึ่งต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เช่น
- การจัดทิศทางการวางตัวอาคารให้เหมาะสม (สำหรับอาคารใหม่)
- การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นฉนวนกันความร้อน
- การป้องกันการรั่วซึมของอากาศภายนอก
- ใช้การบังเงาเพื่อหลีกเลี่ยงแสงที่ส่องจากดวงอาทิตย์โดยตรง
การรักษาอุณหภูมิในระบบปรับอากาศ
การรักษาอุณหภูมิในระบบปรับอากาศถือเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร จึงมีวิธีการรักษาอุณหภูมิในระบบปรับอากาศ ดังนี้
- ตรวจสอบอุปกรณ์: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ในระบบปรับอากาศทั้งหมดมีประสิทธิภาพและทำงานได้ถูกต้อง รวมถึงการเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ (Filter) เป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบสภาพแวดล้อม: ตรวจสอบว่าระบบไม่ได้ถูกรบกวนจากภายนอก เช่น อุณหภูมิภายนอกที่สูงหรือต่ำเกินไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมส่งผลต่อการทำงานของระบบ
- การสั่งงานอุปกรณ์: ปรับอุปกรณ์ให้ทำงานตามค่าอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
- การบำรุงรักษา: บำรุงรักษาตามแผนงานของผู้ผลิต รวมถึงการทำความสะอาดและเปลี่ยนอะไหล่ตามคำแนะนำ
- ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติ: หากเป็นไปได้ควรใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติเพื่อควบคุมอุปกรณ์ในการรักษาอุณหภูมิตามที่ต้องการ และยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
- การสอบถามผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในด้านระบบปรับอากาศ เพื่อให้ระบบนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
การบำรุงรักษาระบบปรับอากาศ
การบำรุงรักษาในระบบปรับอากาศเป็นข้ันตอนสำคัญเพื่อทำให้ระบบปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการใช้งานได้อย่างยาวนาน พร้อมช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและเพิ่มความคงทนของระบบได้ในระยะยาว ซึ่งการบำรุงรักษามีขั้นตอนดังนี้
- การเปลี่ยนฟิลเตอร์: ทำการเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์ (Air Filter) ตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือตามตารางเวลาการเปลี่ยนฟิลเตอร์ เพราะฟิลเตอร์นั้นจะสกัดฝุ่นและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบและลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟ อีกท้ังยังลดค่าทำความสะอาดหรือซ่อมแซมในอนาคตได้อีกด้วย
- การทำความสะอาดระบบ: ทำความสะอาดระบบปรับอากาศในส่วนต่าง ๆ ของระบบ เช่น ทำความสะอาดท่อส่งอากาศ ท่อระบายน้ำแข็ง และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่อาจสกปรกภายในระบบปรับอากาศ
- ตรวจสอบภายนอก: ตรวจสอบความสึกหรอของระบบภายนอก รวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวภายนอกเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออก
- การตรวจสอบสิ่งกีดขวาง: ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งกีดขวาง ทั้งภายในและภายนอกระบบที่อาจกีดขวางการไหลของอากาศ
- ทำการตรวจสอบระบบควบคุม: ตรวจสอบความถูกต้องของระบบควบคุมและค่าอุณหภูมิที่ต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้อุปกรณ์ในระบบปรับอากาศ
การเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบปรับอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ออกแบบจะต้องพิจารณาเลือกระบบปรับอากาศที่สามารถทำความเย็นได้เพียงพอเมื่อมีภาระความร้อนสูง เช่น การเลือกขนาดเครื่องที่เหมาะสม การเลือกเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีประสิทธภาพสูง หรือเลือกระบบที่ใช้พลังงานน้อย โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- ความจำเป็น: พิจารณาว่าอุปกรณ์นั้น ๆ จำเป็นต่อระบบปรับอากาศ และถูกต้องตามหลักการออกแบบหรือไม่
- คุณภาพ: เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีและได้รับการรับรอง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์มีประสิทธิภาพและความทนทานต่อการใช้งาน
- ขนาดและประสิทธิภาพ: เลือกขนาดและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่หรือระบบปรับอากาศ
- ความมีเสียง: พิจารณาระดับเสียงที่อุปกรณ์สร้างขึ้น โดยเฉพาะในระบบปรับอากาศติดต้ังในพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ
- ความปลอดภัย: ตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีมาตรฐานความปลอดภัยและได้มาตรฐานของระบบปรับอากาศ
- การประหยัดพลังงาน: เลือกอุปกรณ์ที่ทีมีความทันสมัย และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบอัตโนมัติได้
- ราคา: พิจารณาราคาของอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- ความสะดวกสบายในการบำรุงรักษาในอนาคต
การจัดการพลังงานในระบบปรับอากาศ
การจัดการพลังงานเป็นหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศของอาคาร โดยการเดินระบบให้เหมาะสมกับความเย็นที่ต้องการในอาคาร หรือลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งแนวทางการประหยัดพลังงานนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงดังต่อไปนี้ เช่น
- เดินเครื่องทำน้ำเย็น (Chiller) ให้เหมาะสมกับภาระทำความเย็น (Load) ที่ต้องการในอาคาร
- เดินเครื่องทำน้ำเย็นชุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดก่อนเสมอ
- ใช้ระบบการจัดการเครื่องทำน้ำเย็นหรือ Chiller Manager ในกรณีที่มีการใช้เครื่องทำน้ำเย็นหลาย ๆ ชุด
- ลดการใช้งานของระบบปรับอากาศในพื้นที่ปรับอากาศ
- การแบ่งโซนปรับอากาศเพื่อง่ายต่อการควบคุมอุณหภูมิ
- ลดการรั่วของอากาศภายนอกเข้าสู่อาคารตามกรอบอาคาร ประตู หรือหน้าต่าง เป็นต้น
การใช้เทคโนโลยี ประหยัดพลังงาน
ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี ประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยในการออกแบบระบบปรับอากาศเพื่อลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
- การลดความชื้นในระบบปรับอากาศ ด้วยการติดตั้งฮีทไปป์ (Heat Pipe)
- การลดภาระการใช้งานของระบบปรับอากาศ ทำได้โดยใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนของลมเย็นทิ้งกับอากาศภายนอก
- การใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการรองรับมาตรฐานสากล
- การนำระบบบริหารจัดการอาคารอัตโนมัติ (BAS) มาประยุกต์ใช้ในอาคาร เพื่อประหยัดพลังงาน
- การใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสัญญาณดิจิทัล เพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมและประหยัดพลังงานในระบบปรับอากาศ
CAI Engineering ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศในอาคาร
CAI Engineering ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศในอาคาร โดยวิศวกรเฉพาะทาง มากประสบการณ์กว่า 10 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ เรารับออกแบบและสร้างห้องคลีนรูมให้ได้ประสิทธิภาพ รวมถึงเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและช่วยประหยัดพลังงาน เช่น AHU จากแบรนด์ Robatherm ที่ได้การรองรับมาตรฐาน Green Building รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างเช่น BAS มาปรับใช้ในห้องคลีนรูม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน ไปพร้อม ๆ กับการประหยัดพลังงาน และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อผลักดันเป้าหมาย Net Zero ภาคอุตสาหกรรมให้สำเร็จ