ผนังห้องเย็น (Cold Room) และผนังห้องคลีนรูม (Cleanroom) แตกต่างกันอย่างไร?

ผนังห้องเย็น (Cold Room) และผนังห้องคลีนรูม (Cleanroom) แตกต่างกันอย่างไร?

การเลือกใช้ผนังที่เหมาะสมสำหรับห้องเย็นและห้องคลีนรูมมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการและสภาพแวดล้อมของทั้งสองห้องมีความแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าจะเลือกใช้ผนังสำเร็จรูปหรือผนังแซนวิช Sandwich Panel เช่นเดียวกันแต่ก็มีลักษณะของผนังที่ต่างกันออกไป โดยห้องเย็นจะต้องการผนังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิในห้องให้คงที่ ช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกของห้องเย็น ส่วนห้องคลีนรูมจะต้องการผนังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความดัน รวมไปถึงป้องกันอนุภาค ฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ห้องมีความสะอาดเป็นไปตามระดับมาตรฐานคลีนรูม

วัตถุประสงค์ในการใช้งานผนังแซนวิช

วัตถุประสงค์ในการใช้งานผนังแซนวิช

จุดประสงค์ของการใช้งานผนังแซนวิช (Sandwich Panel) สำหรับห้องแต่ละแบบ โดยขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถแบ่งตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้ดังนี้

  • ผนังแซนวิชสำหรับห้องเย็น (Cold Room) : การใช้ผนังแซนวิช (Sandwich Panel) สำหรับห้องเย็นมีจุดประสงค์หลายประการ เช่น ป้องกันความเย็นออกจากห้อง ลดการสูญเสียความเย็น และป้องกันการเข้าถึงของอากาศร้อนจากภายนอก เพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องเย็นให้คงที่และทำให้การเก็บรักษาอาหารหรือวัตถุดิบที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเป็นไปได้ง่ายขึ้น
  • ผนังแซนวิชสำหรับห้องคลีนรูม (Cleanroom) : การใช้ผนังแซนวิช (Sandwich Panel) สำหรับห้องคลีนรูมมีจุดประสงค์ในการสร้างพื้นที่ที่มีความสะอาดและป้องกันการปนเปื้อน ผนังแซนวิชช่วยลดการเข้าถึงของสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคจากภายนอก ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและช่วยให้ง่ายต่อการรักษามาตรฐานความสะอาดของห้อง นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดและดูดซับเสียงได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในห้องที่ต้องการความสะอาดและควบคุมสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

วัสดุที่ใช้ผลิตผนังห้องเย็นและผนังห้องคลีนรูม

ผนังห้องเย็นและผนังห้องคลีนรูม โดยทั่วไปจะเลือกใช้วัสดุหลักเป็นแผ่นฉนวนกันความร้อนและแผ่นเหล็ก ซึ่งวัสดุอื่น ๆ ที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานและงบประมาณ เช่น วัสดุที่ใช้ผลิต ความหนาของฉนวน หรือคุณสมบัติของผนัง เป็นต้น 

 

  • วัสดุที่ใช้ผลิต: วัสดุที่ใช้ผลิตสำหรับผนังห้องเย็นและผนังห้องคลีนรูม มีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น

 

    1. PS Foam: Polystyrene Foam
    • ลักษณะ: เป็นวัสดุพอลิสไตรีนที่ใช้ในรูปแบบของโฟม ที่มีโครงสร้างมุมมองเฉพาะที่ช่วยในการกันความร้อนและความเย็น
    • คุณสมบัติ: มีความทนทานต่อความเย็นและความร้อน มีน้ำหนักเบา ช่วยในการดูดซับเสียง แต่มีความเปราะบางและติดไฟ 

 

    1. PU Foam: Polyurethane Foam
    • ลักษณะ: วัสดุโพลียูรีเทนที่ใช้ในรูปของโฟม มีโครงสร้างเซลล์ปิดที่ช่วยให้มีความสามารถในการกันน้ำและกันความร้อน
    • คุณสมบัติ: มีความทนทานต่อความเย็นและความร้อน มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ มีความแข็งแรง แต่ทนต่อแสงแดดได้ไม่ดี และอาจมีสารที่เกิดการแพ้ต่อมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นฉนวนที่ติดไฟ แต่ไม่ลามไฟ

 

    1. PUR Foam: Polyurethane Reactive Foam
    • ลักษณะ: เป็นรูปแบบของ Polyurethane (PU) ที่พัฒนาขึ้นมา มีรูพรุนขนาดเล็กมาก จึงทำให้กันน้ำและความชื้นได้ดี อีกทั้งยังมีความแข็งแรงและมีประสิทธิภาพทางความร้อน
    • คุณสมบัติ: มีความทนทานต่อความร้อนและความเย็น มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และทนทาน

 

    1. PIR Foam: Polyisocyanurate Foam
    • ลักษณะ: เป็นรูปแบบของ Polyisocyanurate (PIR) ที่ให้ประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้มากกว่าและมีค่าการลามไฟที่ต่ำกว่า PUR Foam ทำให้ปลอดภัยต่อการใช้งานในอาคารและสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้
    • คุณสมบัติ: มีความทนทานต่อความร้อนและความเย็น มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ และมีความแข็งแรง จึงนิยมนำมาใช้ในงานต่าง ๆ อาทิ วัสดุก่อสร้าง เช่น ผนัง ฝ้าเพดาน หรือพื้น เป็นต้น

 

    1. FOAM
    •  ลักษณะ: เป็นคำทั่วไปที่ใช้บ่งบอกวัสดุโพลีโฟมในหลายรูปแบบ
    • คุณสมบัติ: มีความทนทานต่อความเย็นและความร้อน รวมถึงมีประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงได้ดี 

 

    1. ROCKWOOL
    • ลักษณะ: วัสดุที่ทำจากใยหิน (Stone Wool) โดยนำหินมาหลอมเหลวด้วยอุณหภูมิที่สูงมาก และปั่นให้มีโครงสร้างเป็นเส้นใย จากนั้นนำมาอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นหรือม้วนตามต้องการ
    • คุณสมบัติ: เป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงที่ดีเยี่ยม ทนทานต่อความร้อนสูง และความชื้น อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมตามความต้องการของห้องเย็นและคลีนรูมจะมีผลในประสิทธิภาพของห้องและความปลอดภัยของสิ่งที่อยู่ในห้องนั้น ๆ และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น…

 

  • ความหนาของฉนวน: ห้องเย็นเป็นห้องที่ต้องควบคุมความเย็นให้คงที่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้ฉนวนตรงกลางที่ค่อนข้างหนา เพื่อคงประสิทธิภาพในการเก็บรักษาสินค้าไว้ ส่วนห้องคลีนรูมนั้น ฉนวนไม่จำเป็นต้องหนาเนื่องจากทำงานภายใต้อุณหภูมิทั่วไป แต่ต้องป้องกันอากาศรั่ว เพื่อรักษาความดันภายในห้องให้เป็นปกตินั่นเอง

 

  • คุณสมบัติของผนัง: ผนังที่ใช้สำหรับห้องเย็นและคลีนรูมมีคุณสมบัติที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้งานพิเศษเหล่านี้ เช่น
    • ความกันน้ำและความป้องกันที่ดี: ผนังต้องมีความสามารถในการป้องกันน้ำและความชื้น เพื่อรักษาอุณหภูมิและความสะอาดในห้อง 
    • ความทนทานต่อสารเคมี: สำหรับห้องคลีนรูมผนังควรทนทานต่อสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาด
    • ความสามารถในการทำความสะอาด: ผนังควรเป็นพื้นผิวที่ง่ายต่อการทำความสะอาดและไม่กระตุ้นการเกิดเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย
    • ความทนทานต่ออุณหภูมิ: ผนังควรมีความทนทานต่ออุณหภูมิต่าง ๆ ทั้งความเย็นในห้องเย็นและอุณหภูมิสูงในห้องคลีนรูม
    • การดูดซับเสียง: ผนังที่ดีควรมีความสามารถในการดูดซับเสียงเพื่อลดระดับเสียงที่เกิดขึ้นในห้อง และป้องกันเสียงดังรบกวนจากภายนอกห้องได้
    • ความแข็งแรง: ผนังจะต้องมีความแข็งแรงทนทาน เพื่อรองรับน้ำหนักและป้องกันการทรุดตัวจากสภาพแวดล้อม

การออกแบบผนังให้ตอบโจทย์การใช้งาน

  • ผนังห้องคลีนรูม (Cleanroom)

– เน้นการออกแบบผนังให้มีความสวยงาม เนื่องจากเป็นพื้นที่ทำงานสำหรับบุคลากร

– บริเวณมุมของผนังห้องคลีนรูมจะต้องโค้งมน เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย

– ฉนวนตรงกลางไม่จำเป็นต้องหนามาก เนื่องจากใช้ทำงานภายใต้อุณหภูมิทั่วไปและต้องการป้องกันอากาศรั่วเข้าออก เพื่อรักษาความดันภายในห้องให้เป็นปกติเพียงเท่านั้น

– บริเวณผนังห้องคลีนรูมจำเป็นต้องมีกระจกเพื่อให้มองเห็นการทำงานด้านในได้ และที่สำคัญจะต้องเลือกใช้กระจกที่ไม่เกิดไอน้ำเกาะ และควรเป็นกระจกแบบ 2 ชั้น

  • ผนังห้องเย็น (Cold Room) 

– ไม่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการจัดเก็บสินค้าเท่านั้น

– ผนังห้องเย็นไม่จำเป็นต้องปรับแต่งมุมให้โค้งมนและเรียบเนียนเท่ากับผนังห้องคลีนรูม

– ฉนวนของผนังห้องจำเป็นต้องมีความหนาเพื่อรักษาความเย็น และคงประสิทธิภาพของการเก็บรักษาสินค้าไว้ให้ยาวนาน

– ผนังห้องเย็นไม่มีความจำเป็นจะต้องมีกระจก เนื่องจากเป็นห้องที่ใช้ในการเก็บสินค้าเท่านั้น



การดูแลรักษาผนังห้องเย็น / ผนังห้องคลีนรูม

การดูแลและบำรุงรักษาผนังห้องเย็นและผนังห้องคลีนรูม จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยการดูแลรักษาผนังห้องเย็น โดยทั่วไปจะเน้นไปที่การทำความสะอาดและซ่อมแซมรอยรั่ว ส่วนการดูแลรักษาผนังห้องคลีนรูมจะเน้นไปที่การทำความสะอาดและกำจัดฝุ่นละออง โดยสามารถดูแลบำรุงรักษาได้โดยใช้วิธีการเหล่านี้ เช่น  

  1. การทำความสะอาดประจำวัน: ให้ทำความสะอาดผนังประจำวันด้วยน้ำและสบู่เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจสะสมได้
  2. การใช้สารล้างทำความสะอาด: ใช้สารล้างทำความสะอาดที่เหมาะสมตามวิธีการของผู้ผลิตหรือคำแนะนำเฉพาะ เพื่อป้องกันการทำลายพื้นผิวหรือวัสดุ
  3. การตรวจสอบความสมบูรณ์: ตรวจสอบผนังเพื่อความสมบูรณ์และทำการซ่อมแซมทันทีหากมีความเสียหาย
  4. การรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม: รักษาอุณหภูมิในห้องในเกณฑ์ที่ผู้ผลิตระบุ เพื่อรักษาประสิทธิภาพของผนังให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  5. การป้องกันการกัดกร่อน: หากผนังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการกัดกร่อน ให้ใช้วิธีการป้องกันด้วยการใส่ซิลิโคนหรือวัสดุกันกัดกร่อน เป็นต้น
  6. การรักษาความปลอดภัย: การรักษาความปลอดภัยในห้องเย็นและห้องคลีนรูม ควรตรวจสอบระบบทำความเย็น ระบบรักษาความสะอาด และอุปกรณ์ป้องกันเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

โดยการดูแลและบำรุงรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผนังห้องเย็นและคลีนรูมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

WISKIND ผนังห้องเย็นและผนังห้องคลีนรูมที่ได้มาตรฐานสากล

CAI Engineering รับออกแบบและสร้างห้องคลีนรูม ด้วยผนังแบบ Sandwich Panel จากแบรนด์ WISKIND ที่ได้รับรองมาตรฐานอย่าง FM Approvals เพราะการดีไซน์ผนัง ประตู และ กระจกหน้าต่างของแบรนด์ WISKIND นั้นมีการออกแบบให้มีความทันสมัย อีกทั้งยังมีแบบให้เลือกหลากหลาย ทำให้เราสามารถเลือก ผนัง ประตู และกระจกหน้าต่าง ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ทำให้ลูกค้าได้ห้องคลีนรูมที่ถูกใจและเหมาะสมตามการใช้งานที่ได้รับรองมาตรฐานจากสากล เพราะฉะนั้นหากคิดจะสร้างห้องคลีนรูม คิดถึง CAI Engineering

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

“BIM Model” เทคโนโลยีการก่อสร้างและจัดการอาคาร ที่ไปไกลกว่าแค่ “Model 3D”

“BIM Model” เทคโนโลยีการก่อสร้างและจัดการอาคาร ที่ไปไกลกว่าแค่ “Model 3D”

“BIM Model” อีกขั้นของ Model 3D ที่เชื่อมโยงข้อมูลในระบบ สร้าง Database และ Digital Twin เพื่อการก่อสร้างและการจัดการอาคารในอาคารอัจฉริยะ

Read More »

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า