ปัจจุบันโลกเรากำลังเผชิญกับปัญหากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกอยู่ ณ ตอนนี้ สัญญาณการเตือนของภาวะโลกร้อนที่เราเห็น ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก และภาพรวมของสภาพอากาศที่ไม่สมดุล ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น ดังนั้นการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions เป็นสิ่งที่เราต้องการเพื่อลดการเพิ่มขึ้นของความร้อนในโลก โดยหมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่าง ๆ ในการผลิตพลังงาน การขนส่ง การผลิตสินค้า และอื่น ๆ ต่อไปเพื่อให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลงหรือเท่ากับการดูดซับก๊าซเรือนกระจกออกจากบริษัทหรือกิจกรรมอื่น ๆ
โดย “Green Technology” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions โดยมีบทบาทที่สำคัญต่อการลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในบทความนี้จะมาพูดถึง เทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) ที่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ให้ทุกคนได้รู้จักกัน
Green Technology คืออะไร ?
เทคโนโลยีสีเขียว หรือ Green Technology หมายถึง เทคโนโลยีและกระบวนการต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อลดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนาและการใช้งานพลังงานทดแทน การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การรีไซเคิล และการลดของเสีย โดยเทคโนโลยีสีเขียวมีเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างความยั่งยืนในระยะยาวและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงส่งเสริมให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของ Green Technology
ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) มีดังนี้
- ลดการปล่อยมลพิษและของเสีย : เทคโนโลยีสีเขียวช่วยลดการปล่อยสารเคมีและมลพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ
- อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ : การใช้เทคโนโลยีสีเขียวช่วยในการจัดการและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) การใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรน้อยลง
- ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน : เทคโนโลยีสีเขียวมักนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและทรัพยากรที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงในระยะยาว เช่น การใช้ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ หรือการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดค่าไฟฟ้า
- ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต : การลดมลพิษทางอากาศและน้ำจากการใช้เทคโนโลยีสีเขียวทำให้สิ่งแวดล้อมสะอาดขึ้น ส่งผลให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษ
- สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ : เทคโนโลยีสีเขียวสร้างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบริการรีไซเคิล และการพัฒนาพลังงานทดแทน
Green Technology ในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions
เทคโนโลยีสีเขียวมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีสีเขียว คือการผลิตพลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดการของเสียและการรีไซเคิล การพัฒนาอาคารสีเขียว (Green Building) การส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืน และการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน เป็นต้น
ตัวอย่างของ Green Technology ที่ธุรกิจใช้กันในปัจจุบัน
ธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกต่างตระหนักถึงความสำคัญของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการนำเอา Green Technology มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกของเรา โดยมี 5 ตัวอย่างของ Green Technology ที่ธุรกิจต่าง ๆ กำลังใช้กันในปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจอื่น ๆ นำไปประยุกต์ใช้ ดังต่อไปนี้
1. ระบบบริหารจัดการอาคารอัตโนมัติ : Building Automation System (BAS)
BAS (Building Automation System) หรือ BMS (Building Management System) คือระบบที่ใช้ในการควบคุมและจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในอาคารอย่างอัตโนมัติ รวมถึงระบบไฟฟ้า ระบบทำความร้อน การระบายอากาศ การปรับอากาศ (HVAC) ระบบประปา และระบบรักษาความปลอดภัย โดย BAS/BMS เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดการการใช้พลังงานและทรัพยากรภายในอาคาร ซึ่งช่วยให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยการลดการใช้พลังงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
2. ศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว : Green Data Center
Green Data Center หมายถึงศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบและดำเนินงานโดยใช้แนวทางและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่ใช้ใน Green Data Center อาจรวมถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Green Data Center ช่วยบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยการลดการใช้พลังงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ การใช้พลังงานหมุนเวียน และการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทุกขั้นตอนนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง : Data center ระบบจัดเก็บข้อมูลในยุคอุตสาหกรรม 4.0 คลิกที่นี่
3. ระบบพลังงานทดแทน : Renewable Energy Systems
Renewable Energy Systems คือระบบที่ผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และไม่หมดไป เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวล และพลังงานความร้อนใต้พิภพ ระบบเหล่านี้มีการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยในการเก็บเกี่ยวพลังงานและเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานรูปแบบอื่นที่สามารถนำมาใช้งานได้ ซึ่ง Renewable Energy Systems สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานฟอสซิล เพิ่มความมั่นคงและความยั่งยืนทางพลังงาน ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และสร้างงานใหม่ในภาคพลังงานสะอาด ระบบพลังงานหมุนเวียนจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4. เครื่องพิมพ์ 3 มิติ : 3D Printer
3D Printer หรือเครื่องพิมพ์สามมิติ คืออุปกรณ์ที่สามารถสร้างวัตถุสามมิติจากแบบจำลองดิจิทัล โดยการพิมพ์วัสดุทีละชั้นจนกระทั่งได้รูปทรงที่ต้องการ วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์มีหลายประเภท เช่น พลาสติก โลหะ เซรามิก หรือวัสดุชีวภาพ ซึ่ง 3D Printer สามารถช่วยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้โดยการลดการใช้วัสดุและของเสีย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสร้างประสิทธิภาพในการผลิตได้อีกด้วย
5. การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ : Cloud Computing
Cloud Computing หรือการประมวลผลบนระบบคลาวด์ คือการให้บริการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ เช่น การเก็บข้อมูล (storage), เซิร์ฟเวอร์, ฐานข้อมูล, ระบบเครือข่าย และซอฟต์แวร์ ผ่านอินเทอร์เน็ต (“คลาวด์”) แทนที่จะใช้ฮาร์ดแวร์และเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร การให้บริการนี้มีสามรูปแบบหลัก คือ IaaS (Infrastructure as a Service), PaaS (Platform as a Service) และ SaaS (Software as a Service) โดย Cloud Computing ช่วยบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน, การใช้พลังงานหมุนเวียน, การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ, การสนับสนุนการทำงานระยะไกลและลดการเดินทาง และการพัฒนาและใช้ซอฟต์แวร์อย่างยั่งยืน โดยระบบคลาวด์ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนในการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ ได้เช่นกัน
โดยมีตัวอย่างรายชื่อธุรกิจต่าง ๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง Green Technology มาปรับใช้เพิ่มเติมอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น
- พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)
ตัวอย่าง : บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google และ Apple ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในสำนักงานใหญ่และศูนย์ข้อมูลของพวกเขา ซึ่งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
- ระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Grid)
ตัวอย่าง : บริษัท General Electric (GE) ได้พัฒนาระบบ Grid IQ™ ที่ช่วยในการบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้การกระจายพลังงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดการสูญเสียพลังงาน และปรับปรุงความมั่นคงของระบบไฟฟ้าอีกด้วย
- การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Building)
ตัวอย่าง : ตึก The Edge ในอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเป็นที่ทำการของ Deloitte ได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก โดยอาคารนี้ได้มีการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน เช่น ระบบการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ การเก็บน้ำฝน การจัดการขยะรีไซเคิล และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ยานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicles – EVs)
ตัวอย่าง : บริษัท Tesla ผลิตยานพาหนะไฟฟ้าที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่ง ซึ่งยานพาหนะไฟฟ้ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ายานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ โดย รถ Tesla สามารถชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ได้จากพลังงานหมุนเวียน
- การจัดการของเสียและรีไซเคิล (Waste Management and Recycling)
ตัวอย่าง : บริษัท Unilever ได้ดำเนินโครงการ Zero Waste to Landfill ซึ่งตั้งเป้าหมายให้โรงงานทั้งหมดของบริษัทไม่ส่งขยะไปยังหลุมฝังกลบ ซึ่งการลดการสร้างขยะและการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว
“CAI Engineering” ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมาย Net Zero
CAI Engineering เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคลีนรูมและอุตสาหกรรมปรับอากาศของประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน โดยเราตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งทาง CAI Engineering ได้มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ในงานก่อสร้างห้องคลีนรูม เช่น นำเทคโนโลยี BIM มาใช้ตั้งแต่การออกแบบ ตลอดจนการบริหารจัดการโครงการ นอกจากนี้เรายังติดตั้งระบบ BAS เข้ากับงานก่อสร้างห้องคลีนรูมของเราทุกงาน โดยใช้ Controller แบรนด์ Sauter เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร และผลักดันให้อุตสาหกรรมปรับอากาศบรรลุเป้าหมาย NET Zero ในอนาคต