ในอาคารยุคปัจจุบันการเลือกระบบระบายอากาศ (Ventilation) ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใน “ประเทศไทย” ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี โดยระบบระบายอากาศที่ดีจะช่วยนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ภายในและระบายอากาศเสียออกไป ทำให้อากาศภายในอาคารสะอาด ปลอดภัย และช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัยในอาคาร พร้อมช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศอีกด้วย
โดยมีระบบระบายอากาศ 2 ประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ได้แก่ “ระบบ Heat Recovery Ventilation (HRV)” และ “ระบบ Energy Recovery Ventilation (ERV)” ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าระบบ HRV และ ERV แตกต่างกันอย่างไร และระบบใดเหมาะสมกับการใช้งานในสภาพอากาศของประเทศไทย พร้อมทั้งเปรียบเทียบความแตกต่างและให้คำแนะนำในการเลือกระบบที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณกัน!
Heat Recovery Ventilation (HRV) คืออะไร
Heat Recovery Ventilation (HRV) คือ ระบบระบายอากาศที่ช่วยถ่ายเทอากาศเสียออกจากภายในอาคาร พร้อมดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามา โดยใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนเพื่อถ่ายเทความร้อนจากอากาศภายในสู่ภายนอกโดยไม่มีการถ่ายเทความชื้น
Energy Recovery Ventilation (ERV) คืออะไร
Energy Recovery Ventilation (ERV) คือ ระบบระบายอากาศที่ช่วยถ่ายเทอากาศเสียออกจากอาคาร พร้อมนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามา โดยมีการแลกเปลี่ยนทั้งความร้อนและความชื้น ระหว่างอากาศเข้า-ออก เพื่อรักษาความสบายและลดภาระของระบบปรับอากาศ
ความแตกต่างระหว่างระบบระบายอากาศ HRV vs ERV

- Heat Recovery Ventilation (HRV)
- หลักการทำงาน : แลกเปลี่ยนเฉพาะความร้อนระหว่างอากาศเข้า-ออก
- ข้อดี : ถ่ายเทความร้อนได้ดี เหมาะกับอาคารที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ
- ข้อเสีย : ไม่ควบคุมความชื้น อาจทำให้อากาศแห้งในบางพื้นที่
- การประหยัดพลังงาน : ประหยัดพลังงานจากการลดภาระการทำความเย็นและความร้อน
- การถ่ายเทอุณหภูมิและความชื้น : ถ่ายเทเฉพาะอุณหภูมิ ไม่มีการควบคุมความชื้น
- สภาพอากาศที่เหมาะสม : อากาศเย็นหรือแห้ง เช่น ในฤดูหนาวหรือประเทศเขตหนาว
- Energy Recovery Ventilation (ERV)
- หลักการทำงาน : แลกเปลี่ยนทั้งความร้อนและความชื้นระหว่างอากาศเข้า-ออก
- ข้อดี : ควบคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้น ช่วยลดความอับชื้นภายในอาคาร
- ข้อเสีย : ราคาสูงกว่าและมีความซับซ้อนกว่าระบบ HRV เล็กน้อย
- การประหยัดพลังงาน : ประหยัดพลังงานมากกว่า HRV โดยลดทั้งภาระความร้อนและความชื้น
- การถ่ายเทอุณหภูมิและความชื้น : ถ่ายเททั้งอุณหภูมิและความชื้นอย่างสมดุล
- สภาพอากาศที่เหมาะสม : อากาศร้อนชื้น เช่น ประเทศไทย
HRV vs ERV เลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย

เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูร้อนและฤดูฝนจึงทำให้เกิดความชื้นในอากาศสูง ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดความอับชื้นภายในอาคารได้ ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) สำหรับระบบระบายอากาศภายในอาคาร เนื่องจากระบบ ERV สามารถควบคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้นได้ดี จึงช่วยในการลดความชื้นสะสมในอากาศและประหยัดพลังงานในการทำความเย็น จึงเหมาะสำหรับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
เพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายอากาศด้วยเครื่อง DOAS จาก CAI Engineering
ถึงแม้ว่าระบบ HRV และระบบ ERV จะเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการจัดการอากาศภายในอาคาร แต่สำหรับอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารที่ต้องการการควบคุมคุณภาพอากาศอย่างละเอียด การใช้เครื่องเติมอากาศ DOAS (Dedicated Outdoor Air System) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์การเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่อาคารเป็นอย่างยิ่ง
“DOAS” คือระบบระบายอากาศภายนอกอาคาร หรือเครื่องเติมอากาศภายนอกชนิดอิสระ ซึ่งเป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อจัดการ “อากาศจากภายนอก” โดยแยกออกจากระบบปรับอากาศหลัก ซึ่งช่วยในการควบคุมทั้งอุณหภูมิ ความชื้น และคุณภาพของอากาศที่เข้าสู่ตัวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถรวมการทำงานร่วมกับระบบ ERV หรือ HRV เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านพลังงานและคุณภาพอากาศภายในให้สูงขึ้นอีกขั้นได้ด้วย
CAI Engineering เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมปรับอากาศในอาคาร โดยเลือกใช้เครื่องเติมอากาศ “DOAS Robatherm” เพื่อเป็นระบบเติมอากาศในอาคารทั้งอาคารเชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล และอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงมาตรฐานคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) และการประหยัดพลังงานในระยะยาว
ปรึกษาเรื่องการสร้างห้องคลีนรูม
หรือติดตามความรู้เรื่องนวัตกรรมการปรับอากาศ
Line OA : @caihvac หรือคลิก https://lin.ee/RTsrnHb
E-mail : veeraya@caiengineering.com