Net Zero คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร_CAI

Net Zero คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อโลกและมนุษย์

ในปัจจุบันทั่วโลกเริ่มหันมาใส่ใจการดูแลโลกมากขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิด Climate Change ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ เช่น น้ำแข็งขั้วโลกและบนยอดเขาละลาย น้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เกิดจากผลกระทบของการปล่อยก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ชั้นบรรยากาศโลกถูกทำลายและส่งผลให้แสงอาทิตย์ทะลุมาสู่พื้นโลกได้มากขึ้น หรือเรียกอีกชื่อว่าสภาวะเรือนกระจก ดังนั้น “Net Zero” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อป้องกันวิกฤตการณ์นี้

Net Zero คืออะไร ที่มาของ Net Zero_CAI

Net Zero คืออะไร?

Net Zero คือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ โดยจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ร่วมกับการกำจัดก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่เทียบเท่ากับการปล่อย เพื่อให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ ในอีกมุมหนึ่งคือการยับยั้งไม่ให้อุณหภูมิของโลกสูงเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1.5 – 2 องศาเซลเซียส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงจาก “ภาวะโลกร้อน”

Net Zero เป็นความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่เริ่มมาจากการประชุม COP21 เมื่อปี 2015 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่หลายประเทศทั่วโลกมีเป้าหมายร่วมกันในการควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เนื่องจากภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ จึงทำให้ทั่วโลกมีเป้าหมายร่วมกันในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

ประเทศไทยเราเองก็ได้แสดงเจตนารมย์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065

เป้าหมายของ Net Zero คืออะไร?

ในปี 2018 คณะกรรมการขององค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้มีการกำหนดข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศด้วยการป้องกันให้อุณหภูมิโลกไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส และพยายามรักษาอุณหภูมิให้อยู่ที่ระดับ 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้เกือบครึ่งหนึ่งภายในปี 2028 และให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศให้ได้

ทำอย่างไรถึงจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero?

เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนเกือบ 40% ของการใช้พลังงานทั่วโลก รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจสาธารณูปโภคไฟฟ้า ธุรกิจอุตสาหกรรมเหล็ก ธุรกิจปูนซีเมนต์ ธุรกิจยานพาหนะและการขนส่ง ธุรกิจน้ำมันและก๊าซ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้จึงมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นสามารถทำได้หลากหลายแนวทาง เช่น

  • การยุติยุคถ่านหิน
  • การลดก๊าซมีเทน
  • เพิ่มพลังงานหมุนเวียน
  • การฟื้นฟูป่า

โดยองค์กรต่าง ๆ ต้องลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการทั้งภายในองค์กรเอง และจากห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม รวมถึงการชดเชยในระยะสั้นกรณีที่จำเป็นต้องปล่อยก๊าซอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การฟื้นฟูผืนป่า การเพิ่มการดูดซับคาร์บอนในดิน เป็นต้น

สำหรับภาครัฐและภาคธุรกิจในประเทศไทยได้เริ่มปรับตัวเพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมาย Net Zero ด้วยเช่นกัน โดยภาครัฐได้มีกลไกในการส่งเสริมให้ SME ปรับตัวไปสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม การให้เงินทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงการปรับใช้ พ.ร.บ. อากาศสะอาด เป็นต้น

Net Zero หนทางลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน_CAI

Net Zero หนทางสู่การลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน

Net Zero ถือเป็นทางออกของภาวะโลกร้อนจากผลกระทบของวิกฤติการณ์ภาวะเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศน์ สภาพภูมิอากาศ รวมถึงการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งหากสามารถบรรลุ Net Zero ได้ตามเป้าหมายจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายจากภาวะโลกร้อนได้

… วิกฤตโลกเป็นเรื่องที่ไม่มีเวลาให้รอคอยอีกต่อไป …

CAI Engineering หนึ่งในภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero Emissions ของประเทศไทยได้เล็งเห็นถึงปัญหาและพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว โดย CAI Engineering ได้มีการใช้ระบบปรับอากาศ AHU มาตรฐาน Green Building ในการสร้างห้องคลีนรูม รวมถึงได้นำเอาเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุดเข้ามาใช้ในโรงงานหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย เช่น การใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนในห้องคลีนรูม การใช้ระบบอัตโนมัติในการบริหารจัดการอาคาร การใช้ Controller แบรนด์ Sauter ในการควบคุมการใช้พลังงานและไฟฟ้าภายในอาคารผ่านคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันความเสียหายภายในอาคาร และสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า