แนวทางการออกแบบอาคารตามมาตรฐาน WELL Building Standard

แนวทางการออกแบบอาคารตามมาตรฐาน WELL Building Standard

“สุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร” กลายเป็นปัจจัยสำคัญในงานออกแบบอาคารยุคใหม่ โดยมีมาตรฐาน WELL Building Standard ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เน้นด้าน “Human-Centric Design” ที่ให้ความสำคัญกับ “มนุษย์” หรือผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งสุขภาพกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตในอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ที่พักอาศัย อาคารเชิงพาณิชย์ ฯลฯ

ทำไม “Well-being” จึงสำคัญกับอาคารยุคใหม่

แนวคิดของ “Well-being” หรือสุขภาวะที่ดีในบริบทของอาคารและสภาพแวดล้อม หมายถึงการออกแบบและจัดการอาคารโดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิต ความสบายกาย จิตใจ และสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่เพียงแค่โครงสร้างหรือฟังก์ชันการใช้งานอีกต่อไป โดยอาคารที่ส่งเสริม Well-being จะเน้นเรื่องแสงธรรมชาติ อากาศสะอาด การควบคุมอุณหภูมิและเสียงที่เหมาะสม พื้นที่สีเขียว และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลาย มีประสิทธิภาพในการทำงาน และมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นแนวทาง “Human-Centric Design” ที่มองมนุษย์เป็นศูนย์กลางของการออกแบบอาคารนั่นเอง

ทำความรู้จัก WELL Building Standard

“WELL Building Standard” คือมาตรฐานการประเมินอาคารที่เน้นส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร พัฒนาโดยองค์กร International WELL Building Institute (IWBI) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านการออกแบบอาคารและสภาพแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ เช่น อากาศ น้ำ แสง เสียง อาหาร สุขภาพจิต และกิจกรรมทางกาย เพื่อสร้างอาคารที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีอย่างแท้จริง

การแบ่งคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐาน WELL

การแบ่งคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐาน WELL

WELL Building Standard แบ่งระดับการรับรองออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Bronze, Gold, Silver และ Platinum โดยพิจารณาจากคะแนนรวมที่ได้จาก 10 หมวดหลัก เช่น อากาศ น้ำ โภชนาการ แสง เสียง สุขภาพจิต การเคลื่อนไหว วัสดุ ชุมชน และนวัตกรรม ซึ่งระบบการให้คะแนนแบ่งเป็น Feature พื้นฐาน (Preconditions) ที่ต้องทำให้ครบตามเกณฑ์ขั้นต่ำ และ Feature เสริม (Optimizations) ที่สะสมคะแนนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มระดับการรับรอง

มาตรฐาน WELL vs LEED ต่างกันอย่างไร

ถึงแม้ว่าทั้งมาตรฐาน WELL และมาตรฐาน LEED จะเป็นมาตรฐานระดับโลกที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาอาคารเขียว (Green Building) และได้รับความนิยมรวมถึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย แต่ทั้งสองมาตรฐานมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่

  • มาตรฐาน WELL: มุ่งเน้น “สุขภาวะของผู้ใช้อาคาร” เช่น อากาศที่ดี แสงที่เหมาะสม สุขภาพจิตและกายดีอยู่สบาย
  • มาตรฐาน LEED: มุ่งเน้น “ความยั่งยืนของอาคารและสิ่งแวดล้อม” เช่น การประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ซึ่งทั้งสองมาตรฐานสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาการออกแบบและสร้างอาคารที่ยั่งยืนทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในเวลาเดียวกัน

แนวทางออกแบบอาคารตาม WELL แต่ละหมวด

แนวทางออกแบบอาคารตาม WELL แต่ละหมวด

การออกแบบอาคารตามมาตรฐาน WELL Building Standard (WELL v2) มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม สุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคาร โดยแบ่งออกเป็น 10 หมวดหมู่หลัก ซึ่งแต่ละหมวดครอบคลุมองค์ประกอบด้านสุขภาวะที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. อากาศ (Air) : ส่งเสริมคุณภาพอากาศภายในอาคาร เช่น การใช้ระบบกรองอากาศ, ออกแบบระบบระบายอากาศที่ดี, ลดสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศภายในอาคาร
  2. สภาวะสบาย (Comfort) : การออกแบบอาคารให้เกิดความสบายทางกาย เช่น ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ลม และแสงให้เหมาะสม รวมถึงมีเฟอร์นิเจอร์ที่รองรับสรีระของร่างกายผู้ใช้งาน
  3. น้ำ (Water) : การเข้าถึงน้ำดื่มและน้ำใช้ภายในอาคารที่สะอาดและปลอดภัย เช่น ติดตั้งระบบกรองน้ำ ตรวจสอบคุณภาพน้ำสม่ำเสมอ และมีจุดบริการน้ำที่สะดวก
  4. เสียง (Sound) : การควบคุมระดับเสียงรบกวน เช่น การใช้วัสดุดูดซับเสียงอย่างแผ่นฉนวนสำเร็จรูป Sandwich Panel หรือลดเสียงจากระบบเครื่องกล และออกแบบผังพื้นที่ให้เหมาะกับกิจกรร
  5. โภชนาการ (Nourishment) : ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น มีตัวเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เมนูมีข้อมูลโภชนาการ และจัดสภาพแวดล้อมให้สนับสนุนพฤติกรรมการกินที่ดี
  6. วัสดุอาคาร (Material) : เลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยและไม่เป็นพิษ เช่น หลีกเลี่ยงวัสดุที่ปล่อยสารเคมีอันตราย หรือมีข้อมูลการรับรองคุณภาพวัสดุต่าง ๆ
  7. แสงสว่าง (Light) : การออกแบบให้แสงเหมาะสมต่อการมองเห็นและสุขภาพ เช่น ใช้แสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม ปรับระดับแสงได้ตามกิจกรรม หรือลดแสงสะท้อน
  8. จิตใจ (Mind) : การออกแบบพื้นที่ส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น พื้นที่พักผ่อน สวนหรือธรรมชาติในอาคาร การใช้สีและศิลปะเพื่อบรรเทาความเครียด
  9. การเคลื่อนไหว (Movement) : สนับสนุนกิจกรรมทางกายเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การมีบันไดที่เข้าถึงง่าย พื้นที่ออกกำลังกาย การออกแบบทางเดินและพื้นที่ใช้สอยให้เดินสะดวก
  10. ชุมชน (Community) : สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร เช่น การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ นโยบายเพื่อความเท่าเทียม และการมีพื้นที่ให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้อาคาร

แนวทางการออกแบบระบบปรับอากาศและระบายอากาศ (HVAC System) เป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบอาคารให้ได้มาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) โดยเฉพาะหมวดอากาศและสภาวะสบาย โดยการออกแบบให้ควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ) และควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้อย่างแม่นยำ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปรับอากาศ “CAI Engineering” เรามุ่งเน้นการออกแบบระบบปรับอากาศ HVAC ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้อาคาร พร้อมตอบโจทย์มาตรฐานอาคารเขียวและ WELL ได้อย่างครบถ้วน

บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ: 

 

ปรึกษาเรื่องการสร้างห้องคลีนรูม

หรือติดตามความรู้เรื่องนวัตกรรมการปรับอากาศ

Line OA : @caihvac หรือคลิก https://lin.ee/RTsrnHb

E-mail : veeraya@caiengineering.com

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า