อาคารอัจฉริยะ Smart Building เป็นระบบบริหารจัดการอาคารที่ได้รวมเอาเทคโนโลยีอาคารที่ล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับคุณภาพอาคารให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุดและตอบสนองได้ทันท่วงที เพื่อทำให้การใช้งานอาคารเกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงสุด
อาคารอัจฉริยะ Smart Building คืออะไร?
อาคารอัจฉริยะ Smart Building หรืออาจเรียกกันในชื่อ ตึกฉลาด อาคารเทคโนโลยีขั้นสูงหรือ “Intelligent building” ซึ่งเป็นอาคารอัจฉริยะที่เชื่อมโยงนวัตกรรมที่หลากหลายและมีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นระบบส่วนกลางที่จะสามารถตรวจสอบ รายงาน และควบคุมอุปกรณ์ของอาคารได้แบบ Real-Time รวมถึงใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานในอาคารนั้น ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งแนวความคิดนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1981 ที่ได้เริ่มมีการนำระบบควบคุมอัตโนมัติมาใช้ในระบบรักษาความปลอดภัยและระบบไฟฟ้าของอาคาร เพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการอาคารอย่างสูงสุด
อาคารอัจฉริยะ Smart Building ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
องค์ประกอบของอาคารอัจฉริยะ Smart Building ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ดังนี้
ระบบบริหารอาคาร (Building Management System)
ระบบบริหารจัดการอาคาร Building Management System หรือระบบ BAS ของอาคารอัจฉริยะ Smart Building นั้น สามารถแบ่งออกได้หลายประการ ดังนี้
การบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริหารงานซ่อมบำรุง ทำหน้าที่คอยควบคุมและตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในอาคาร
- ระบบควบคุมการใช้พลังงาน ทำหน้าที่วางแผน และควบคุมการใช้พลังงานของอาคาร
- ระบบรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่ตรวจสอบการเข้า-ออกของบุคคล
- ระบบบริหารสายสัญญาณ ระบบนี้จะช่วยในการวางแผน แก้ไขเพิ่มเติมงานสายสัญญาณต่าง ๆ ในอนาคต จึงทำให้สามารถทราบสถานะของระบบสายสัญญาณได้อย่างแม่นยำ
- ระบบบริหารความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ทำหน้าที่การแจ้งเตือนไฟไหม้ ระบบดับเพลิง ระบบอัดอากาศและระบายควันของตัวอาคาร
งานระบบอาคาร (Building System)
- ระบบควบคุมกลาง ทำหน้าที่ ตรวจสอบดูแลและถ่วงดุลให้ระบบทั้งหมดทำงานอย่างประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบจ่ายไฟฟ้ากำลัง ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าทั้งหมดของอาคาร
- ระบบเตือนเพลิงไหม้ ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้จากระบบตรวจจับควัน
- ระบบตรวจจับความร้อน รวมทั้งควบคุมระบบจ่ายน้ำดับเพลิง
- ระบบระบายอากาศ และระบบปรับอากาศ ทำหน้าที่ควบคุมระดับของอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมรวมทั้งจ่ายอากาศบริสุทธิ์ที่เหมาะสมกับผู้ที่ใช้งานในอาคาร
- ระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน ทำหน้าที่คำนวณโดยอิงจากข้อมูลการเรียกใช้ลิฟต์ของผู้ใช้งานแล้วสร้างระบบการทำงานให้เหมาะสำหรับการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา
- ระบบเครือข่ายท้องถิ่น ระบบนี้ช่วยให้คอมพิวเตอร์ภายในอาคารสามารถติดต่อสื่อสารและส่งข้อมูลแลกเปลี่ยนระหว่างคอมพิวเตอร์ได้
- ระบบช่องทางติดต่อสื่อสารกับภายนอก ทำหน้าที่เชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างภายนอกกับภายใน
- ระบบรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่ควบคุมการเข้าออกและการบุกรุกจากบุคคลภายนอก
- ระบบสายสัญญาณสื่อสารหลัก
ระบบโครงสร้างอาคาร (Building Structure)
- การออกแบบโครงสร้างอาคาร Smart Building ที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยโครงสร้างของอาคารอัจฉริยะ Smart Building ที่ดีนั้นจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะการเดินท่อเพื่อร้อยสายสัญญาณเพิ่มในภายหลัง
- ระบบผนังอาคารภายนอก ระบบผนังอาคารที่ดีควรจะต้องตอบสนองและสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้
ระบบบริการลูกค้า (Tenants Service)
- ระบบเสาอากาศโทรทัศน์รวม เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เช่าในการรับสัญญาณโทรทัศน์
- ระบบโทรศัพท์
- ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม
- การประชุมผ่านทางจอภาพ
- ระบบสายสัญญาณอินเตอร์เน็ต
โซลูชันที่สำคัญของอาคารอัจฉริยะ Smart Building
ในการออกแบบอาคารอัจฉริยะ Smart Building นอกจากจะทำให้มีภาพลักษณ์เป็นอาคารที่ทันสมัยแล้ว ยังส่งผลให้อาคารนั้นมีจุดขายที่แตกต่างจากอาคารอื่นๆ นอกจากนี้ อาคารอัจฉริยะยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยมีหลายด้านดังนี้
ระบบปรับอากาศ
การนำระบบ HVAC มาใช้จะช่วยจัดการอากาศในอาคารอัจฉริยะ เพื่อความคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด ให้อากาศกระจายออกไปตามที่ต้องการสำหรับพื้นที่นั้น ๆ ทำให้ได้อากาศที่บริสุทธิ์ไร้มลพิษ
อ่านต่อ : ระบบปรับอากาศ HVAC กับ Air Conditioner ต่างกันอย่างไร
การจัดการและควบคุมอาคาร
การนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของอาคาร ผ่านการควบคุมและจัดการระบบการทำงานของอุปกรณ์ที่ได้ทำการเชื่อมต่อกับระบบ IoT
การจัดเก็บข้อมูล
การนำระบบ Cloud Computing มาใช้ในการจัดเก็บ จัดการ และประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ของอาคาร โดยไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เองทั้งระบบ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลที่สำคัญอีกด้วย
การปรับปรุงและยกระดับคุณภาพอากาศภายในอาคารให้สะอาด
การนำเทคโนโลยี Bi-polar Lonization System มาใช้โดยการปล่อยประจุบวกและลบ ทำให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคและฝุ่นละอองได้ดี
CAI Engineering ผู้นำด้านการสร้างห้องคลีนรูมด้วย Smart Building
CAI Engineering ผู้นำในการสร้างห้องคลีนรูมที่ได้มาตรฐานสากล โดยการใช้เทคโนโลยีอาคารที่ทันสมัย เช่น Sauter คอนโทรลเลอร์สำหรับควบคุมความชื้น อุณหภูมิ และความดันอากาศประสิทธิภาพสูง รวมถึงมีการนำระบบ BMS / BAS และ BIM รวมถึง Hololens มาใช้ในการออกแบบห้องคลีนรูม ตลอดจนการนำมาใช้หลังการเสร็จสิ้นกระบวนการสร้าง เพื่อทำให้การใช้งานอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้ตามนโยบายของ NET ZERO