การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ CFP ในระบบ HVAC&R

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ CFP ในระบบ HVAC&R

HVAC&R ย่อมาจากคำว่า Heating, Ventilation, Air Conditioning and Refrigeration ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในอาคาร รวมถึงการควบคุมระบบลมส่วนกลางความร้อนและความเย็นในอาคาร ระบบ HVAC&R ช่วยให้รักษาสภาพแวดล้อมภายในอาคารให้สะดวกสบายและเหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงการเก็บรักษาความร้อนและความเย็น ในการใช้งานทางอุตสาหกรรม เช่น โรงงานแปรรูปอาหาร และในด้านอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งการใช้ระบบ HVAC&R มีผลต่อความสบายและสุขภาพของผู้ใช้งานภายในอาคาร การควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นและปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อมในอาคารได้

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ และ CFP คืออะไร?

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ เป็นการวัดปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยมาจากกิจกรรมต่าง ๆ และกิจกรรมทั้งหมดที่สามารถสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ การวัด CFP นั้นมีเป้าหมายที่จะช่วยธุรกิจหรือบุคคลให้ทราบถึงปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยในกระบวนการของพวกเขา และมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาแผนการปรับเปลี่ยนที่จะลดการปล่อยคาร์บอนนั้นลง โดยคาร์บอนฟุตพริ้นท์มีด้วยกัน 2 ประเภทดังนี้

  1.  Carbon Footprint of Products หรือ CFP หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิต ตั้งแต่การได้มาจากวัตถุดิบ การผลิต จนถึงการขนส่งและการกระจายสินค้า
  2. Carbon Footprint for Organization หรือ CFO หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร ซึ่งรวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การขนส่ง การใช้พลังงาน และการจัดการของเสีย เป็นต้น

ขั้นตอนการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์

แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ CFP ในระบบ HVAC&R โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 การวัดและติดตาม: วัดปริมาณการใช้พลังงานในระบบ HVAC&R เพื่อทราบปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ในระบบ
  • ขั้นตอนที่ 2 ประสิทธิภาพพลังงาน: ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ HVAC&R เพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์
  • ขั้นตอนที่ 3 การใช้เทคโนโลยีที่สะอาด: การนำเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยในการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เช่น การใช้ระบบทำความเย็นที่ใช้น้ำทะเล หรือการใช้กระบวนการทำความเย็นที่ใช้น้ำแทนการใช้สารทำความเย็นที่มีผลกระทบต่อชั้นโอโซน
  • ขั้นตอนที่ 4 การใช้วัสดุที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ: เลือกใช้วัสดุที่มีรอยประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและมีปริมาณคาร์บอนต่ำในการผลิต
  • ขั้นตอนที่ 5 การศึกษาความเข้ากันได้กับมาตรฐาน: การประเมิน CFP ควรถูกดำเนินการตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ เพื่อให้การประเมินมีความเท่าเทียมและเปรียบเทียบได้
การประเมิน CFP ของระบบปรับอากาศ HVAC&R

การประเมิน CFP ของระบบปรับอากาศ HVAC&R

ปริมาณการปลดล่อย CFP จากระบบ HVAC&R โดยมีขอบเขตการประเมิน  ได้แก่

  • Total Equivalent Warming Impact (TEWI) การประเมินการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก HVAC&R ทั้งกระบวนการทางตรงจากสารทำความเย็นและทางอ้อมจากพลังงานไฟฟ้า 

 

1. การปลดปล่อยทางตรงจากสารทำความเย็น

    • ผลิตสารทำความเย็น: การประเมินปริมาณ GHG ที่เกิดจากกระบวนการผลิตสารทำความเย็น เช่น ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) คาร์โรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) หรือ ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ซึ่งเป็นสารทำความเย็นที่มีผลกระทบต่อโอโซน
    • การใช้งาน: ประเมินการปลดปล่อย GHG ที่เกิดขึ้นจากระบบ HVAC&R ในระหว่างการใช้งาน โดยคำนวณปริมาณสารทำความเย็นที่หลุดออกมา
    • การบำรุงรักษา: การประเมินผลกระทบจากกิจกรรมบำรุงรักษา เช่น การซ่อมแซมระบบที่สามารถส่งผลให้สารทำความเย็นหลุดได้

 

2. การปลดปล่อยทางอ้อมจากพลังงานไฟฟ้า

    • ผลิตไฟฟ้า: การประเมิน GHG ที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ในระบบ HVAC&R ซึ่งมีผลกระทบต่อปลดปล่อยทางอ้อม
    • การขนส่งไฟฟ้า: ประเมินการปลดปล่อย GHG ที่เกิดจากการขนส่งไฟฟ้าจากสถานที่ผลิตไปยังสถานที่ใช้งาน
    • การใช้งาน: คำนวณปริมาณ GHG ที่เกิดขึ้นในระบบ HVAC&R ขณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

 

  • Life Cycle Assessment (LCA) การประเมินก๊าซเรือนกระจกจากวัฎจักรชีวิตของ HVAC&R ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำการทำลายซากเมื่อหมดอายุการทำงานของระบบ
    • วัตถุดิบและการผลิต: การเปรียบเทียบและประเมินผลกระทบของกระบวนการผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในระบบ HVAC&R
    • การขนส่ง: การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการขนส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานและสินค้าที่ผลิต
    • การติดตั้งและการก่อสร้าง: การประเมินการใช้พลังงานและการปล่อย GHG ในกระบวนการติดตั้งระบบ HVAC&R
    • การใช้งาน: การประเมินการใช้พลังงานระหว่างการทำงานของระบบ, การรักษา และการปรับ
    • การบำรุงรักษา: การประเมินการบำรุงรักษาที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานและการปล่อย GHG ในระยะยาว
    • การสิ้นเปลืองวัสดุ: การประเมินการสิ้นเปลืองวัสดุและการจัดการของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการ
    • การกำจัด: การประเมินการกำจัดอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของระบบที่หมดอายุ

 

การประเมิน Carbon Footprint (CFP) ของระบบปรับอากาศ HVAC&R ในปัจจุบันเกิดขึ้นโดยการวิเคราะห์และประเมินปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของระบบนี้ การวัดและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานในระบบ HVAC&R เพื่อประมาณปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ HVAC&R เพื่อลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้น การนำเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสะอาดและมีประสิทธิภาพสูง เช่น ระบบทำความเย็นที่ใช้น้ำทะเล, การใช้วัสดุที่มีประสิทธิภาพสูง การประมวลผลและจัดการการของเสียจากระบบ HVAC&R อย่างมีประสิทธิภาพ การทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อนวัตกรรมในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของระบบ การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความเข้าใจและการนำทักษะที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงระบบ มีการแบ่งสัดส่วนในการปล่อย GHG ของ HVAC&R  เช่น การปล่อย GHG ทางอ้อมจากการใช้พลังงานในการเดินระบบ เป็นต้น

การลด Carbon Footprint ในระบบ HVAC&R

การลด Carbon Footprint ในระบบ HVAC&R

การจัดทำ Carbon Footprint ของระบบ HVAC&R มีบทบาทสำคัญต่อการลดการปล่อย GHG ที่สามารถนำไปสู่การลดคาร์บอนในอาคารอย่างยั่งยืน โดยการลด Carbon Footprint ในระบบ HVAC&R ต่าง ๆ สามารถทำได้ดังนี้ 

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน: ทำการตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ HVAC&R เพื่อให้ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานที่ผลิตจากแหล่งพลังงานที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูง
  • ใช้เทคโนโลยีที่สะอาด: การนำเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสะอาดและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง เช่น การใช้ระบบทำความเย็นที่ใช้น้ำทะเลหรือการใช้ระบบทำความเย็นที่ใช้น้ำแทนสารทำความเย็นที่มีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูง
  • การรักษาและบำรุงรักษาระบบ: การดูแลและบำรุงรักษาระบบ HVAC&R เป็นประจำเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
  • การใช้วัสดุที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ: เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีปริมาณคาร์บอนต่ำในการผลิต
  • การใช้พลังงานจากแหล่งที่มีคาร์บอนต่ำ: เพิ่มการใช้พลังงานจากแหล่งที่มีคาร์บอนต่ำ เช่น การใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทนหรือการลงทุนในพลังงานที่ให้ผลิตคาร์บอนน้อย
  • การบูรณาการ: การนำระบบ HVAC&R มาบูรณาการเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
  • การฝึกอบรมและการแนะนำ: การฝึกอบรมพนักงานในการประหยัดพลังงานและการลด Carbon Footprint เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และการปฏิบัติที่ยั่งยืน

CAI Engineering มุ่งสู่การลด Carbon Footprint ตอกย้ำเป้าหมาย Net Zero

ระบบ HVAC&R ถือว่าเป็นระบบที่กินพลังงานในอาคารมากที่สุดถึง 40-60% ซึ่งจะส่งผลให้มีก๊าซเลือนกระจกมีปริมาณที่มากขึ้น CAI Engineering เล็งเห็นถึงปัญหาการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์และก๊าซเรือนกระจก เพื่อเป็นการลดปัญหาต่าง ๆ เรานี้ เราจึงนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในงานคลีนรูม เช่น BAS, BIM และ Hololens เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน และช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีการใช้ AHU ที่ได้มาตรฐาน Green Building อย่างแบรนด์ Robatherm เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ มีการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน และผลักดันนโยบาย Net Zero ให้ประสบความสำเร็จ



บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ห้องแรงดันบวก VS ห้องแรงดันลบ แตกต่างกันอย่างไร ? สำคัญอย่างไรกับห้องปลอดเชื้อ

ห้องแรงดันบวก VS ห้องแรงดันลบ แตกต่างกันอย่างไร ? สำคัญอย่างไรกับห้องปลอดเชื้อ

มาเข้าใจหลักการทำงานและเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างห้องแรงดันบวกและห้องแรงดันลบ ว่าทำไมทั้งสองประเภทจึงมีบทบาทสำคัญในห้องปลอดเชื้อกันกัน

Read More »
Cleanroom 101 : คู่มือปฏิบัติงานสำหรับมือใหม่ในห้องคลีนรูม

Cleanroom 101 : คู่มือปฏิบัติงานสำหรับมือใหม่ในห้องคลีนรูม

คำแนะนำในการทำงานรวมถึงชุดคลีนรูมที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้ใช้งานห้องคลีนรูมเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรฐานของห้องคลีนรูม (Cleanroom) ได้อย่างถูกต้อง

Read More »

By clicking “Accept”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts. Privacy Policy

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า